เส้นทางศึกษาธรรมชาติเส้นทางที่ 1
ชมธรรมชาติรอบๆป่าวัดสวนวางระยะทาง 500 - 600 เมตร
จุดชมที่ 1 (ไม้ยาง)ไม้ใช้ประโยชน์และมีคุณค่าทางเศรษฐกิจ
ไม้ยางเป็น ไม้ต้นขนาดใหญ่ สูงถึง 40 - 50 เมตร ลำต้นเปลาตรง เปลือกหนาเรียบ สีเทาหรือเทาปนขาว โคนต้นมักเป็นพูสูงขึ้นมาเล็กน้อย ไม้ต้นขนาดใหญ่ สูงถึง 40 - 50 เมตร ลำต้นเปลาตรง เปลือกหนาเรียบ สีเทาหรือเทาปนขาว โคนต้นมักเป็นพูสูงขึ้นมาเล็กน้อย พบขึ้นในที่ลุ่มต่ำริมห้วย ลำธาร และตามหุบเขาทั่วทุกภาคของประเทศไทยในระดับความสูงของน้ำทะเลเฉลี่ยคือ 350 เมตรนอกจากจะใช้ประโยชน์ในทางก่อสร้างแล้ว ไม้ยางยังมีสรรพคุณทางสมุนไพรอีกด้วย
จุดชมที่ 2 (ผักเหมียง) สวนผักกลางไพร
ผักและผลไม้ป่าที่กินได้ทั่วทุกภาคของเมืองไทยมีพืชท้องถิ่นที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ ให้เราได้เก็บมากินเป็นอาหารได้ และ ภูมิปัญญาคนท้องถิ่นก็สามารถเลือกมาปรุงเป็นอาหารที่เหมาะสมได้ ดังเช่นในป่าแห่งนี้มี ผักเหมียง พันธุ์ไม้ป่า ที่เจริญเติบโตได้ดีภายใต้ร่มเงาของต้นไม้ พบได้ทั้งบริเวณเนินเขาและที่ราบในความสูงจากระดับน้ำทะเล 2 – 500 เมตร หรือสูงกว่านั้น ผักเหมียงพบมากในภาคใต้ตอนกลางฝั่งตะวันตกของประเทศไทยเป็นส่วนใหญ่ เช่น จังหวัดพังงา ระนอง กระบี่ ตรัง (ฝั่งอันดามัน) ชุมพร (ฝั่งอ่าวไทย) เป็นต้น จะสังเกตเห็นว่าผักเหมียงขึ้นเองตามธรรมชาติ หรือมีการปลูกแถบจังหวัดภาคใต้ฝั่งตะวันตกมากกว่าฝั่งตะวันออก อาจเป็นเพราะปริมาณน้ำฝนชุกและต่อเนื่องในฝั่งตะวันตกจึงเหมาะสมกว่า ผักเหมียง คนใต้นิยมนำมากินเป็นผักเคียงกับขนมจีนน้ำยาปักษ์ใต้ อาหารที่ได้รับความนิยมที่ประกอบจากผักเหลียง คือ ผักเหลียงต้มกะทิหรือแกงเลียง ผักเหมียงได้ชื่อว่าเป็น “ราชินีแห่งผักพื้นบ้านภาคใต้”จุดชมที่ 3 (ไม้ขาวดำ) ไม้หายาก
ไม้ขาวดำเป็นไม้ยืนต้น เนื้อแข็ง แต่เนื้อไม้มีลักษณะพิเศษ คือ จะมีสีขาวและสีดำในต้นเดียวกัน ชาวบ้านนิยมนำมาทำกรุงนก ไม้ชนิดนี้พบในภาคใต้และจัดเป็นไม้หายากอีกชนิดหนึ่ง
จุดชมที่ 4 (หวาย ) พืชสารพัดประโยชน์
จุดชมที่ 5 (ไม้แต้ว)
เต็งแต้วแก้วกาหลง บานบุษบงส่งกลิ่นอาย หอมอยู่ไม่รู้หาย คล้ายกลิ่นผ้าเจ้าตราตรู ไม้แต้ว เป็นไม้ต้นผลัดใบสูงประมาณ ๒๕ เมตร ทรงต้นโปร่ง เปลือกลำต้นสีน้ำตาลเข้ม ล่อนเป็นสะเก็ดเล็ก ๆ ใบออกตรงข้ามเป็นคู่ รูปขอบขนาน บางดอกมีกลิ่มหอมอ่อน ๆ ดอกเป็นกระจุกเล็ก ๆ หรือเป็นช่อสั้น ๆ ช่อละประมาณ ๕ ดอก ออกตามกิ่งตรงโคนใบที่ร่วงไปแล้ว กลีบรองดอกสีเขียวมี ๕ กลีบ กลีบดอกสีชมพูอ่อนมี ๕ กลีบ ปลายกลีบมีครุยเป็นฝอยยาว ๆ ผลรูปไข่ยาวประมาณ ๑ - ๕ เซนติเมตร เมื่อผลแก่จะแตกออกเป็น ๓ แฉก เมล็ดขนาดเล็กมีปีกออกดอกเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายน พบตามป่าเบญจพรรณแล้งทั่วไป ขณะที่แตกใบอ่อนใบจะเป็นสีแดง ขยายพันธ์ด้วยการเพาะเมล็ด
จุดชมที่ 6 (สัตว์) สัตว์ป่าประจำถิ่น
สัตว์ป่า คือ สัตว์ทุกชนิดไม่ว่า สัตว์บก สัตว์น้ำ สัตว์ปีก แมลง หรือแมง ซึ่งโดยภาพธรรมชาติย่อมเกิดและดำรงชีวิตอยู่ในป่าหรือในน้ำและให้หมายความรวมถึงไข่ของสัตว์ป่าเหล่านั้นทุกชนิดด้วย สัตว์ป่าเห็นตัวช่วยรักษาความสมดุลทางธรรมชาติ สัตว์ป่าอำนวยประโยชน์นานาประการให้แก่มนุษย์และทรัพยากรธรรมชาติอื่น ๆ มากมาย อย่างไรก็ตามประโยชน์ ส่วนใหญ่เป็นไปในทางอ้อมมากกว่าทางตรงจึงทำให้มองไม่ค่อยเห็นคุณค่าของสัตว์ป่าเท่าที่ควร เมื่อเทียบกับทรัพยากรธรรมชาติอื่น ๆ
จุดชมที่ 7 (ยาสมุนไพร) ภูมิปัญญาไทยกับสมุนไพรท้องถิ่น
สมุนไพร คือ ผลไม้ ผัก พืช เครื่องเทศ สัตว์ ที่มีสรรพคุณทางยาในการรักษาโรคที่พบได้ตามธรรมชาติ โดยสามารถใช้ส่วนต่าง ๆ เช่น ราก ผล ใบ ลำต้น ดอก เปลือกหรืออื่น ๆ ไปรับประทานได้หรือแปรรูปเป็นยาได้ สมุนไพรไทย คนไทยเราเมื่อสมัยก่อนมีการเรียนรู้การใช้สมุนไพรรักษาโรคต่าง ๆ ในหมู่บ้านกันสืบทอดต่อมาจนถึงปัจจุบัน และถือว่าเป้นภูมิปัญญาที่บรรพบุรุษสั่งสมเอาไว้ให้ลูกหลานได้ศึกษาความรู้และนำไปใช้ประโยชน์