ปัจจัยที่มีผลต่อการเปลี่ยนสีใบผักเหลียงหลังการเก็บเกี่ยว
กนกพร บุญญะอติชาติ และสุภา การถาง
สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง วิทยาเขตชุมพร
Kbkanokp@kmitl.ac.th
คำนำ (Introduction)
ผักรับประทานใบบางชนิดมีการเปลี่ยนสีจากสีเขียวเป็นสีเหลืองอย่างรวดเร็วเมื่อเสื่อมสภาพ สีเหลืองของใบถือเป็นการสูญเสียคุณภาพทางการตลาด เกิดจากการย่อยสลายของคลอโรฟิลล์ภายในใบ ปัจจัยที่กระตุ้นการเปลี่ยนสีดังกล่าวได้แก่ อุณหภูมิ ความชื้น และก๊าซเอทิลีน (Siripanich, 2005) ผักเหลียง (Gnetum gnemon L.) ผักพื้นบ้านของภาคใต้ของประเทศไทย ส่วนที่ใช้รับประทานคือใบอ่อนและใบเพสลาด เมื่อใบเหี่ยวไม่เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค แต่ใบเปลี่ยนเป็นสีเหลืองช้ามากขณะวางจำหน่ายที่อุณหภูมิห้อง 29°C ดังนั้นการทดลองครั้งนี้จึงศึกษาปัจจัยหลังการเก็บเกี่ยวใดที่มีผลต่อการเปลี่ยนสีใบ
อุปกรณ์และวิธีการ (Materials and Methods)
ปัจจัยที่ทำทดลองประกอบด้วย แสงไฟ อุณหภูมิ ความชื้น และเอทิลีนจากภายนอก ทำการคัดขนาดและคุณภาพของใบผักเหลียงระยะใบเพสลาด (immature) ให้มีความสม่ำเสมอ นำใบบรรจุลงถุงพลาสติกใส ชนิด polyethylene (PE) ที่มีรูขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1 เซนติเมตร จากนั้นนำไปวางไว้ที่มีการให้แสงสว่างจากหลอดไฟเพิ่มในเวลากลางวัน และไม่มีการเพิ่มแสงสว่าง หรือ เพิ่มความชื้นให้แก่ใบผักด้วยการใส่สำลีชุบน้ำลงในถุง PE หรือ สารดูดความชื้น อุณหภูมิสำหรับการเก็บรักษาคือ 4 8 12 29 (อุณหภูมิห้อง) และ 35 องศาเซลเซียส การให้เอทิลีนภายนอกแก่ใบผักที่ระดับความเข้มข้น 0 10 20 30 40 และ 50 ไมโคลิตรต่อลิตร (uL L-1) เป็นเวลา 24 ชั่วโมง บันทึกอายุการวางจำหน่ายกำหนดให้ใบหมดอายุเมื่อใบเหี่ยวหรือซีด คะแนนการเปลี่ยนสีใบ ใช้ระดับการเปลี่ยนสี 1-5 ระดับ 1 คือ 0-20% และ 5 คือ 81-100% การเปลี่ยนแปลงน้ำหนักสด แต่ละทรีทเมนต์ประกอบด้วยก้านใบ 10 ก้าน วิเคราะห์ความแปรปรวนและเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยด้วยวิธี Duncan’s new multiple range test (DMRT).
ผลและวิจารณ์ (Results and Discussion)
ใบผักเหลียงที่วางไว้ในที่มืดมีอายุการวางจำหน่ายไม่แตกต่างจากที่มีแสงที่อุณหภูมิ 29°C ความชื้นสัมพัทธ์ 85% Kader (2002) กล่าวว่าการเก็บรักษาผลิตผลสดโดยทั่วไปสามารถเก็บไว้ที่อุณหภูมิห้อง และที่มีความชื้นสัมพัทธ์ 90-95% สอดคล้องกับผลการใส่สารตัวดูดความชื้นแก่ใบผัก ทำให้มีอายุการวางจำหน่ายน้อยกว่าการเพิ่มความชื้น ใบผักเหลียงที่เก็บรักษาที่อุณหภูมิต่ำ 4 8 และ 12°C มีอายุการวางจำหน่ายนานกว่าที่ 29°C และ 35°C ทั้งนี้เนื่องจากอุณหภูมิต่ำช่วยชะลอการเปลี่ยนแปลงเมทาบอลึซึมที่เกี่ยวข้องกับการทำงานเอนไซม์ เช่น การย่อยสลายคลอโรฟิลล์ ทำให้ใบผักแสดงอาการเสื่อมสภาพช้าลง (Kader, 2002)
การเปลี่ยนสีของใบเมื่อเสื่อมสภาพในที่มืดและที่มีแสงไม่แตกต่างกัน เช่นเดี่ยวกับการเปลี่ยนสีใบที่ได้รับความชื้นและไม่ได้รับความชื้น รวมทั้งใบที่เก็บรักษาที่อุณหภูมิห้องและ 35°C ไม่แสดงอาการใบเหลือง แต่เมื่อให้เอทิลีนจากภายนอกแก่ใบพบว่า เกิดสีเหลืองที่ใบอย่างรวดเร็ว แสดงว่าวิถีการย่อยสลายคลอโรฟิลล์ในใบผักเหลียงเกิดขึ้นได้ตามปกติเมื่อได้รับเอทิลีน สอดคล้องกับ Koukounaras et al. (2006) ให้เอทิลีนที่ความเข้น 1 uL L-1 แก่ใบ rocket (Eruca sativa Mill.) ใบมีคะแนนใบเหลืองระดับหมดอายุตั้งแต่วันที่ 6 ขณะที่ใบที่ไม่ได้รับเอทิลีนยังไม่พบอาการใบเหลือง เช่นเดียวกับ Able et al. (2002) ทดลองให้เอทิลีนภายนอกที่ความเข้มข้น 1 uL L-1 แก่ ใบ pak choy (B. rapa var chinensis) และทำให้ใบผักมีการเปลี่ยนสีเหลืองมากขึ้นและอายุการวางจำหน่ายน้อยกว่าที่ความเข้มข้นเอทิลีน 0.1 uL L-1
บทสรุป (Conclusion)
เอทิลีนจากภายนอก ทำให้เกิดการเปลี่ยนสีใบผักเหลียง
คำสำคัญ (Keywords) ผักเหลียง (Gnetum gnemon L.) สีใบ อุณหภูมิ เอทิลีนจากภายนอก อายุการวางจำหน่าย
กิตติกรรมประกาศ (Acknowledgements)
โครงการวิจัยนี้ได้รับทุนสนับสนุนจากกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) และสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ)
เอกสารอ้างอิง (References)
Able, A.J., Wong, L.S., Prasad, A., O’Hare, T.J. 2002. 1-MCP is more effective on a floral brassica (Brassica oleracea var. italica L) than a leafy brassica (Brassica rapa var. chinensis). Postharvest Biol. Technol. 26:147-155.
Keder, A.A. 2002. Phostharvest technology of horticultural crops. Division of agriculture and natural resources. University of California. USA.
Koukounaras, A., Siomos, A.S., and Sfakiotakis E. 2006. 1-Methylcyclopropene prevents ethylene induced yellowing of rocket leaves. Postharvest Biol. Technol. 41:109-111.
Siripanich, J. 2006. Postharvest biology and plant senescence. National agricultural extension and training center. Kasetsart university, Kamphaengsaen Campus. Nakhon Pathom, Thailand.
ข้อมูลจาก https://ird.wu.ac.th
0 ความคิดเห็น